วันพฤหัสบดีที่ 21 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2556

วิธีการเลี้ยงแมวไทย



สิ่งหนึ่งที่เราในฐานะคนไทยควรจะภาคภูมิใจก็คือ เรามีเอกลักษณ์สำคัญของชาติมากมาย ไม่ว่าจะเป็น การไหว้ ภาษาหรือการดนตรี รวมทั้งสายพันธุ์ของสัตว์ที่มีถิ่นกำเนิดจากบ้านเราโดยเฉพาะ เช่นสุนัขพันธุ์ไทยหลังอาน หรือพันธุ์บางแก้ว รวมไปถึง “แมวไทย” ทุกสายพันธุ์
                ยังไม่มีหลักฐานแน่ชัดว่า แมวไทย นั้นมีจุดกำเนิดขึ้นตั้งแต่เมื่อไหร่ หรือมีทั้งสิ้นกี่สายพันธุ์กันแน่ แต่ตามสมุดข่อยโบราณระบุไว้เป็นลายลักษณ์อักษรว่า แมวไทยในสมัยอยุธยานั้นมีอยู่ด้วยกันทั้งสิ้น ๒๓ สายพันธุ์ โดยแบ่งเป็นแมวให้คุณทั้งสิ้น ๑๗ สายพันธุ์  ดังนี้ วิเชียรมาศ ศุภลักษณ์ มาเลศ โกนจา นิลรัตน์ วิลาศ เก้าแต้ม รัตนกำพล นิลจักร มุลิลา กรอบแว่น ปัดเสวตร กระจอก สิงหเสพย์ การเวก จตุบท และแซมเศวตร โดยมีแมวให้โทษอีกทั้งสิ้น ๖ สายพันธ์คือ ทุพลเพศ พรรณพยัคฆ์ ปีศาจ หิณโทษ กอบเพลิง และเหน็บเสนียด
                เหตุที่แบ่งเป็นแมวให้คุณกับแมวให้โทษนั้น เป็นความเชื่อของคนในสมัยโบราณโดยดูจากบุคลิกลักษณะของแมวแต่ละสายพันธุ์ ว่าเลี้ยงแล้วจะนำสิ่งที่ดี ๆ หรือสิ่งชั่วร้ายมาสู่ผู้เป็นเจ้าของ ถัดจากบันทึกในสมัยอยุธยา เรื่องราวของแมวไทยก็ได้หายไปจากหลักฐานต่าง ๆ  จนกระทั่งมาปรากฏอีกทีในสมัยของพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ ๕ แห่งกรุงรัตนโกสินทร์ เมื่อพระองค์ได้ทรงพระราชทานแมวไทยสายพันธุ์วิเชียรมาศคู่หนึ่งให้กับกงสุลอังกฤษ ซึ่งกงสุลอังกฤษคนนั้นได้นำแมวไทยไปประกวดที่ประเทศอังกฤษโดยผลปรากฏว่าแมวไทยชนะเลิศในประเภทแมวขนสั้น ส่งผลให้แมวไทยมีชื่อเสียงไปทั่วโลก ทั้งนี้ในสมัยนั้นแมวไทยจะเลี้ยงอยู่ในวังเท่านั้น โดยส่วนใหญ่จะเป็นพันธุ์วิเชียรมาศ ชาวบ้านธรรมดาไม่มีสิทธิ์ในการเลี้ยงแมวไทย และห้ามไม่ให้ซื้อขายแมวไทยกันด้วย
                กาลเวลาล่วงเลยมาจนถึงปัจจุบัน จากเดิมที่มีทั้งสิ้น ๒๓ สายพันธุ์ ทุกวันนี้แมวไทยเหลือเพียง ๖ สายพันธุ์เท่านั้น ที่เป็นเช่นนั้นก็เพราะแมวไทยในวังเริ่มลดจำนวนลง แมวกลายมาเป็นสัตว์เลี้ยงที่อยู่กระจัดกระจายตามสถานที่ต่าง ๆ เช่น ในวัด หรือตามบ้านเรือนประชาชน ขาดการควบคุมดูแลอย่างเป็นจริงเป็นจัง ทำให้แมวไทยไปผสมกันเองตามธรรมชาติจนเกิดการข้ามสายพันธุ์ ในยุคหลัง ๆ แมวไทยเดิมพันธุ์แท้เริ่มหายากเข้าไปทุกที จนสุดท้ายเริ่มหมดไปเรื่อย ๆ เหลืออยู่เพียง ๖ สายพันธุ์ 
ซึ่งล้วนแล้วแต่เป็นแมวให้คุณทั้งสิ้น ดังนี้
วิเชียรมาศ  เมื่อแรกเกิดจะมีขนสีขาวทั้งหมด พอโตขึ้นขนจะค่อย ๆ เปลี่ยนเป็นสีเทาอ่อน ๆ แต่ที่ปาก หาง เท้าทั้งสี หูทั้งสองข้าง และที่อวัยวะเพศอีกหนึ่งแห่ง รวมทั้งสิ้นเก้าแห่งมีสีดำหรือสีเข้มกว่าส่วนอื่น ๆ  มีนัยน์ตาประกายสดใส ใครเลี้ยงไว้มีคุณค่ายิ่งจะนำทรัพย์สมบัติมาให้
ศุภลักษณ์  หรือมีอีกชื่อว่า “ทองแดง” จะมีสีขนเป็นสีทองแดงตลอดทั้งตัว นัยน์ตาเป็นประกาย ใครเลี้ยงไว้จะนำมาซึ่งยศถาบรรดาศักดิ์
แซมเสวตร  มีขนสีดำแซมขาว ขนบางและสั้น รูปร่างเพรียว มีในตาเหมือนหิ่งห้อย ใครเลี้ยงไว้ดี มีคุณหนักหมา
โกนจา  จะมีสีดำละเอียด ในตาสีดอกบัวแรกแย้ม หางเรียวยาว ท่าทางการเดินสง่าเหมือนสิงโต ใครที่เลี้ยงแมวพันธุ์นี้ไว้จะได้รับแต่สิ่งที่ดี ๆ
สีสวาด หรือ มาเลศ หรือ แมวโคราช  มีขนสีดอกเลาเปรียบเสมือนกับเมฆสีเทายามฟ้ายับฝน มีนัยน์ตาหยาดเยิ้มประหนึ่งน้ำค้างบนกลีบบัว เป็นแมวที่เชื่อกันว่านำมาซึ่งความสุข ความเป็นมงคลให้กับผู้เลี้ยง
ขาวมณี  แมวไทยอีกหนึ่งสายพันธุ์ที่ไม่ได้มีระบุไว้ในสมุดข่อยโบราณ แต่ก็ถูกจัดว่าเป็นแมวไทยด้วยเช่นกัน เป็นสายพันธุ์ที่พบเห็นได้บ่อยที่สุดในปัจจุบัน เชื่อกันว่าเพิ่งถือกำเนิดขึ้นในสมัยรัตนโกสินทร์ มีสีขนและผิวกายขาวสะอาด ขนสั้นนุ่ม รูปร่างลำตัวยาว ขาเรียว ทรงเพรียวลม ไม่อ้วนหรือผอมเกินไป หัวไม่กลมโต แต่เป็นทรงสามเหลี่ยมคล้ายหัวใจ ดวงตาจะรีเล็กน้อย ในตาเป็นสีฟ้าหรือเหลืองอำพันสีใดสีหนึ่ง เมื่อนำแมวขาวมณีตาสีฟ้า ผสมกับแมวขาวมณีตาสีอำพัน ลูกที่ออกมาจะมีตาสองสี
                นอกจากรูปร่างลักษณะที่สวยงามแล้ว สิ่งที่โดดเด่นอีกอย่างของแมวไทยก็คือ อุปนิสัย ที่รักอิสระเป็นที่หนึ่ง ฉลาด เป็นตัวของตัวเอง รักบ้าน รักเจ้าของ ทั้งหมดเมื่อมารวม ๆ กันทำให้แมวไทยได้รับความนิยมอย่างแพร่หลายในปัจจุบัน ทั้งในบ้านเราเองและต่างประเทศ
                ในฐานะหนึ่งในเอกลักษณ์ของชาติ เราทุกคนจึงควรมีหน้าที่ดูแลและมอบความรักให้กับแมวไทยทุกสายพันธุ์ เพื่อให้แมวไทยยังคงอยู่คู่ประเทศของเราไปอีกนาน ๆ

:: อาหารลูกแมว ::
ควรให้ลูกแมวอยู่กินนมแม่ไปตลอดจนกว่าจะหย่านมไปเอง ไม่ควรให้ลูกแมวหย่านมเมื่ออายุต่ำกว่า 45 วัน เพราะจะทำให้สุขภาพของแมวไม่สมบูรณ์ในภายหลังได้ อย่างไรก็ตามหลังจากหย่านมยังเป็นอาหารที่สำคัญและจำเป็นต่อลูกแมวอยู่จนกว่าอายุจะเ
ยเก้าเดือนไปแล้ว อาหารอย่างอื่นจึงจะสำคัญและจำเป็นกว่า แต่ควรให้แมวกินนมวันละครั้งหรือเป็นครั้งคราว และต้องคอยสังเกตว่าแมวมีอาการท้องร่วงท้องเสียจากการกินนมหรือไม่ ถ้ามีควรงด ลูกแมวอายุประมาณ 3 เดือนควรตั้งต้นให้กินอาหารเนื้อได้แล้ว แต่ควรเป็นเนื้อที่สับละเอียดและให้เพียงเล็กน้อย ลูกแมวอายุ 5 ถึง 7 อาทิตย์แล้วแม่แมวให้นมลูกควรจัดให้กินวันละ 4 มื้อ พออายุ 7 ถึง 12 อาทิตย์ลดลงเหลือ 3 มื้อ ถ้าลูกแมวกำพร้าโดยเฉพาะอย่างยิ่งที่ยังไม่หย่านม ต้องการการดูแลอย่างใกล้ชิด หากไม่สามารถนำไปให้กินนมแม่แมวตัวอื่นได้ก็ต้องชงนมให้กินแทนนมแม่ ซึ่งควรระวังเกี่ยวกับความสะอาดและคุณภาพของนมเป็นสิ่งสำคัญ เพราะอาจทำให้ลูกแมวเกิดติดเชื้อจากนมที่สกปรกนมบูด ทำให้ท้องร่วงถึงตายได้ นมที่ใช้เลี้ยงลูกแมวกำพร้าอาจใช้นมผงเลี้ยงทารก นมวัวสด หรือนมสดยู.เอช.ที ผสมน้ำและวิตามิน นำมาอุ่นอุณหภูมิประมาณ 98-100 องศาฟาเรนไฮท์ หรือ อังพออุ่นมือจับได้กรอกใส่ขวดยางป้อนลูกแมว 
:: อาหารแมวโต ::
ลูกแมวที่กำลังโตหรือหย่านมแล้วผู้เลี้ยงสามารถจัดอาหารให้กินน้อยลงได้ คือให้วันละ 3 มื้อเท่า ๆ กับคนและเมื่อโตเต็มที่เป็นแมวหนุ่มที่อาจลดจำนวนอาหารเหลือเพียง 2 มื้อ คือเช้าและเย็นก็พอ ที่สำคัญคือควรฝึกให้แมวกินอาหารเป็นเวลา ไม่ควรทิ้งอาหารไว้ในจานให้แมวกินตลอดทั้งวัน เพราะเป็นการเสียนิสัย อาหารอาจมีแมลงวันตอมนำเชื้อโรคมาให้ หรืออาหารบูดเสีย ทำให้แมวท้องร่วงได้ 

:: อาหารแมวท้อง ::
อาหารที่ใช้เลี้ยงแมวกำลังตั้งท้องนั้นจะต้องมีคุณภาพสูง โปรตีนมาก ไขมันน้อย ขนาดและปริมาณที่ใช้ใน 5 ถึง 6 อาทิตย์แรกของการตั้งท้องพอ ๆ กับใช้เลี้ยงดูแมวโตเต็มวัยประจำวัน แต่จะเพิ่มปริมาณอาหารให้มากขึ้นตามน้ำหนักตัวแมวในระยะ 3 อาทิตย์สุดท้ายก่อนคลอด คือเพิ่มอาหารให้ปริมาณ 10 ถึง 20 เปอร์เซ็นต์ ก่อนคลอด 1 ถึง 2 วัน แม่แมวบางตัวมักไม่ค่อยกินอาหารหรือไม่กินเลยเพราะมัวตั้งหน้าตั้งตาหาสถานที่หรือกั
วลอยู่กับลังคลอด โดยเฉพาะอย่างยิ่งแม่แมวสาวท้องแรกแต่ถือเป็นเรื่องปกติ หลังคลอดลูกแล้วก็จะกินอาหารเอง ข้อพึงระวังคืออย่าขุนจนแมวอ้วนเกินไปทำให้คลอดลำบาก หรือคุมอาหารเสียจนผอมไปไม่มีแรงเบ่งในการคลอด หลังจากคลอดแล้ว แม่แมวก็กลายเป็นแมวแม่ลูกอ่อน ซึ่งอาหารที่ใช้เลี้ยงแมวในช่วงนี้ไม่ได้ให้เฉพาะแต่แม่เท่านั้น มันต้องถ่ายทอดไปยังลูกแมวด้วยโดยการเปลี่ยนเป็นน้ำนม ฉะนั้นปริมาณอาหารที่แม่แมวกินจะต้องมีปริมาณเพียงพอเหมือนช่วงตั้งท้อง 

:: อาหารแมวแก่ ::
แมวแก่แมวสูงอายุ ร่างกายย่อมต้องการพลังงานน้อยลงจึงไม่ต้องการอาหารมากนัก เพราะถ้ากินมากก็รังแต่ละทำให้มีน้ำหนักตัวมากหรืออ้วนเกินไป ซึ่งควรให้อาหารน้อยลง โดยหลักการแล้วอาหารสำหรับแมวแก่ต้องย่อยง่าย วิตามิน เนื้อที่ไม่มีผังผืด อาหารที่ไม่มีไขมันหรือน้ำตาลที่จะทำให้อ้วน พวกแป้ง วิตามิน รวมทั้งแร่ธาตุต่าง ๆ เพื่อบำรุงร่างกายปริมาณที่ให้ก็ไม่ควรมากเกินไป เพราะแมววัยนี้แล้วไม่กกระฉับกระเฉง การวิ่งเล่นออกกำลังกายย่อมน้อยลงตามอายุ กินกินนอนนอนไม่ได้ใช้พลังงานมากนัก ระบบย่อยอาหารและขับถ่ายเริ่มย่อนประสิทธิภาพ ฉะนั้นอาหารที่กินเข้าไปมาก ๆ นอกจากจะไม่ก่อให้เกิดประโยชน์แล้วยังทำให้เกิดโทษ เช่น แน่นท้องและท้องอืดได้ 

:: ชนิดของอาหาร ::
การเลี้ยงแมวตามบ้านคนส่วนใหญ่ ซึ่งเจ้าของมีฐานะความเป็นอยู่แบบไทย ๆ ทำให้แมวเป็นสัตว์ที่กินง่าย เจ้าของแมวส่วนมากมักเลี้ยงแมวด้วยอาหารในครัว อาจเป็นปลาคลุกกับข้าว หรือไข่ต้มหรือน้ำแกงจืด ซึ่งแมวก็อยู่ได้ แต่ถ้าเลี้ยงกันดีเป็นพิเศษหรือเข้าอกเข้าใจแมว อาจมีการเสริมอาหารประเภทเนื้อ นม เสริมให้กิน โดยเฉพาะอย่างยิ่งเจ้าของที่มีฐานะดีหรือเลี้ยงแมวตามหลักการ อาหารการกินก็เปลี่ยนไปเป็นอาหารคุณภาพ ซึ่งก็เป็นผลดีแก่ตัวแมวและเจ้าของดังที่ได้กล่าวมาแล้ว สำหรับชนิดของอาหารแมวนั้น สามารถแบ่งออกได้ 3-4 ประเภท ไม่ว่าจะเป็นอาหารที่เราซื้อหามาปรุงเอง อาหารสำเร็จหรืออาหารสำเร็จรูป ซึ่งอาหารเหล่านี้ก็แตกต่างกันไปในแง่ของรสชาติ คุณภาพ ราคาและคุณค่าของอาหาร ผู้เลี้ยงสามารถเลือกใช้ได้ตามความเหมาะสม

:: อาหารปรุงเอง ::
การปรุงอาหารขึ้นเองสำหรับให้แมวกินตามบ้านเป็นเรื่องปกติสำหรับการเลี้ยวแมวทั่ว ๆ ไป แต่ถ้าต้องการให้อาหารถูกส่วนถูกกับความต้องการของแมวโดยซื้อมาปรุงให้ตามสุตร ต้องเข้าใจถึงหลักโภชนาการมาก่อนจึงทำได้เพราะเป็นเรื่องที่ค่อนข้างยุ่งยากและค่อนข
างละเอียด เราะต้องคำนวณทั้งอัตราส่วนและปริมาณของสารอาหารที่เหมาะสมตรงตามความต้องการของแมวใ
แต่ละวัย นอกจากนี้อาหารที่ปรุงเองก็ยังมีรสชาติไม่แน่นอน เช่น เค็มหรือหวาน รสชาติอาจไม่ถูกปากแมว อาจจะมีไขมันมาก ถ้าใส่ข้าวมากก็จะขาดวิตามิน ถ้าใส่เนื้อมากเกินไปก็จะได้รับโปรตีนเกินความจำเป็น ทำให้ย่อยยากกระเพาะต้องทำงานหนัก สิ่งเหล่านี้ต้องคำนึง 

:: อาหารสด ::
เป็นอาหารผสมเสร็จ มักพบในตู้แช่แข็งตามซุปเปอร์มาร์เก็ต อาหารสดผสมเสร็จนี้บางชนิดก็มีคุณค่าทางอาหารครบ แต่บางชนิดก็ไม่ครบ เวลาที่จะให้แมวต้องปรุงให้สุกเสียก่อน ราคาจะถูกกว่าอาหารสำเร็จรูปชนิดอื่นเล็กน้อย แต่มีข้อเสียคือต้องเก็บไว้ในช่องแช่แข็งตลอดเวลาเพราะเป็นอาหารสดจึงเสียง่าย ต้องซื้อบ่อย ๆ และนอกจากนี้อาหารผสมเสร็จยังมีคุณค่าทางอาหารน้อยกว่าอาหารสำเร็จรูป

:: อาหารสำเร็จรูป ::
เป็นอาหารชาวเมืองที่มีจำหน่ายอย่างแพร่หลายทั่วไปเหมาะสำหรับคนที่มีเงินแต่ไม่มีเว
าเพราะสะดวกใช้ง่าย ประหยัดเวลา ทั่วไปแล้วก็เป็นอาหารที่มีคุณค่าทางอาหารครบถ้วน ไม่ต้องกังวลเรื่องสัดส่วนอาหารเหมือนอาหารสด สะดวกอย่างยิ่งสำหรับผู้ที่ไม่มีเวลาจัดเตรียมอาหารให้แมวทุก ๆ วัน อาหารสำเร็จรูปมีอยู่ด้วยกัน 2 แบบ คือ แบบเป็นเม็ดและแบบเปียก แบบเป็นเม็ดหรืออาหารแห้ง จะมีลักษณะเป็นเม็ดกลมประกอบด้วยธาตุอาหาร และวิตามินแร่ธาตุต่าง ๆ ที่แมวต้องการอย่างเหมาะสม ส่วนประกอบของอาหารเม็ดโดยมากก็มาจากเนื้อสัตว์ เพียงแต่เอามาแปรรูปผ่านกระบวนการบดและอบแห้ง มีคุณค่าของโปรตีนประมาณ 20 เปอร์เซ็นต์ ซึ่งอัตราส่วนที่เหมาะสมและเพียงพอต่อความต้องการของแมวในการนำไปใช้สร้างความเจริญเ
ิบโต นอกจากนี้ก็ยังมีส่วนประกอบของไขมันที่ช่วยสร้างพลังงานและความอบอุ่นให้แก่ร่างกาย มีวิตามินที่ช่วยให้แมวมันมีขนยาวสวยได้ ที่พิเศษก็คือมีไฟเบอร์ที่จะช่วยให้แมวท้องไม่ผูก อาหารแห้งสามารถซื้อเก็บไว้ได้คราวละมาก ๆ เพราะไม่บูดเสีย สามารถทิ้งไว้ให้แมวกินได้ตลอดทั้งวันเมื่อมีความจำเป็นต้องออกไปนอกบ้าน นอกจากนี้อาหารแห้งยังมีประโยชน์ช่วยขัดฟันของแมวให้สะอาด เพราะเป็นเม็ดกรอบและการเคี้ยวอาหารแห้งก็เป็นการบริหารเหงือกให้แข็งแรงอีกด้วย การให้แมวกินอาหารแห้ง ทางที่ดีควรหัดให้กินตั้งแต่เล็ก ๆ หลังอย่านมใหม่ ๆ หรือประมาณ 2 เดือน โดยผสมอาหารแห้งในน้ำนม เมื่อโตได้ประมาณ 3 เดือนจึงให้กินอาหารแห้งล้วนๆ เพียงอย่างเดียว แต่สำหรับแมวที่ไม่เคยกินอาหารแห้งมาก่อน การเปลี่ยนมาให้กินอาหารแห้งโดยฉับพลันทันทีทันใดก็ทำให้ท้องเสียได้ เพราะระบบย่อยของแมวนั้นอ่อนไหวและผิดปกติได้ง่ายมาก ฉะนั้นอาจค่อย ๆ เปลี่ยนโดยเอาหารแห้งงคลุกผสมกับอาหารเดิมที่เคยกินที่ละน้อยก่อน หรืออาจผสมอาหารแห้งในน้ำ นม หรือน้ำแกง เพื่อให้อาหารเม็ดนิ่มขึ้น เมื่อแมวเริ่มชินแล้วจึงเปลี่ยนมาเป็นอาหารแห้งเพียงอย่างเดียว ประการสุดท้ายสำหรับการเลี้ยงแมวด้วยอาหารแห้งก็คือ อย่าลืมว่าอาหารแห้งนั้นมีน้ำเป็นส่วนประกอบไม่เกิน 10 เปอร์เซนต์เท่านั้น เมื่อแมวกินอาหารแห้งจะกลืนไม่ค่อยสะดวกทำให้คอแห้งหิวน้ำ ดังนั้นควรจะมีถ้วยใส่น้ำสะอาดตั้งไว้ข้างชามอาหารเพื่อให้แมวกินได้ทุกเมื่อที่ต้อง
าร สำหรับอาหารสำเร็จรูปอีกชนิดหนึ่งที่จะขอกล่าวคือ อาหารเปียกหรือที่เรียกกันอีกอย่างหนึ่งว่า อาหารกระป๋อง แมวมักจะชอบอาหารเปียกมากกว่าอาหารแห้ง เพราะอาหารเปียกมีลักษณะใกล้เคียงกับอาหารที่เราปรุงเอง คือมีความเป็นน้ำและเนื้อนุ่ม แมวชอบกินของดิบ เนื้อปลาและอาหารทะเล เช่น กุ้ง ปู หอย แต่อาหารทุกอย่างไม่ว่าจะเป็นปลา เนื้อ เครื่องในสัตว์ควรทำให้สุกก่อนเพื่อป้องกันโรคพยาธิ ส่วนปลาควรแกะก้างออกเพราะก้างปลาอาจจะเข้าไปตำเหงือกติดคอแมวได้ กระดูกที่แตกหักง่ายเช่น กระดูกไก่ ไม่ควรให้แมวแทะกิน ข้าวที่ใช้คลุกกับอาหารอื่น ๆ ควรเป็นข้าวสวยและร่วนกำลังดี แมวไม่ชอบข้าวแฉะเพราะมักติดเหงือกติดฟันทำให้กินยาก การคลุกข้าวกับอาหารอื่น เช่น เนื้อ ปลาและไข่ ก็ควรผสมให้เข้ากันดีมิฉะนั้นแมวจะเลือกกินเฉพาะเนื้อหรือปลาเท่านั้น อาหารที่ต้องหลีกเลี่ยงก็คืออาหารที่มันและเค็มจัด ซึ่งจะทำให้แมวท้องเสีย นอกจากนี้อาหารที่ให้แมวกินควรอุ่น ๆ เพราะแมวไม่ชอบอาหารที่เย็น ชาวไทยเรานิยมให้อาหารแมววันละ 2 มื้อเช้าเย็นได้ผลดีกว่าการให้มื้อเดียว เพราะการให้เพียงมื้อเดียวแมวจะกินจนเต็มกระเพาะมีผลทำให้อาเจียน อาหารที่ใช้เลี้ยงแบบชาวบ้านทั่ว ๆ ไป ส่วนมากเลี้ยงด้วยปลาย่างหรือปลาสุกคลุกกับข้าวร่วน ๆ จะใช้ปลาอะไรก็ได้ที่ราคาไม่แพงนัก แต่ถ้าจะเลี้ยงให้แมวมีสุขภาพสมบูรณ์ไม่อ่อนแอขี้โรคก็ควรเพิ่ม เนื้อ นม ไข่ ลงไปด้วย การให้อาหารปลาเป็นประจำอาจทำให้แมวเกิดนิ่วที่ระบบปัสสาวะ สลับกับกุ้ง ปู เนื้อสัตว์ต่าง ๆ เพื่อป้องการการเพื่ออาหาร สำหรับเนื้อก็ไม่จำเป็นต้องให้เนื้อดีนัก ซื้อเนื้อราคาถูก ๆ ที่บดเสร็จแล้วจะสะดวกที่สุด ก่อนผสมกับข้าวควรลวกด้วยน้ำร้อนจัด ๆ สักครู่ ถ้าเป็นไข่ต้มให้กินมื้อละครึ่งฟองก็พอ แมวแต่ละตัวกินอาหารไม่เท่ากัน ผู้เลี้ยงควรสังเกตนิสัยการกินของแมวเป็นรายตัวไป ตัวไหนกินจุก็ให้มากกว่าตัวอื่น แต่ไม่ควรให้แมวกินอิ่มจนเกินไปเพราะจะทำให้กระเพาะทำงานหนัก อาหารไม่ย่อย การอยากกินอาหารของแมวขึ้นอยู่กับสิ่งแวดล้อมในขณะนั้นด้วย โดยเฉพาะแสงสว่างและเสียงอึกทึกมากหรือน้อย มีคนอยู่ด้วยหรือไม่ จานใส่อาหารสะอาดหรือสกปรก มีแมวตัวอื่นอยู่ด้วยหรือไม่ และชนิดของอาหารที่ชอบ ถ้าจะมีแมวบางตัวเกิดมีนิสัยพิถีพิถันหรือนัยหนึ่งจู้จี้จุกจิก จะดมหรือตรวจดูอาหารอย่างพินิจพิเคราะห์ถ้าหากเป็นอาหารแปลกหรือยู่ในข้อสงสัย ในขณะเดียวกันนั้นก็กินอย่างตะกละมูมมามโดยเฉพาะอย่างยิ่งถ้าเป็นอาหารที่อร่อยและเค
กินอยู่แล้ว ก็ถือว่าเป็นเรื่องปกติสำหรับแมว

:: น้ำ ::
แมวที่มีสุขภาพดีแข็งแรงจะกินน้อยกว่าสุนัขมาก ทั้งนี้อาจเป็นเพราะแมวมีกำเนิดมาจากทะเลทราย แมวบางตัวอาจไม่กินอาหารหรือน้ำได้นานนับเดือนได้อย่างน่าอัศจรรย์ แต่ทางที่ดีแล้วเจ้าของควรจัดหาน้ำสะอาดทิ้งไว้ให้แมวกินได้ตลอดเวลา โดยเฉพาะถ้าเลี้ยงแมวด้วยอาหารแห้ง รวมทั้งภาชนะที่ใส่อาหารต้องได้รับการทำความสะอาดเป็นประจำด้วย 

:: อาหารโปรตีนที่ชาวไทยเรานิยมใช้เลี้ยงแมว มีดังต่อไปนี้ ::
เนื้อปลาทู โปรตีน 20% เนื้อกระบือ โปรตีน 19.6% เนื้อโค โปรตีน 18.8% เนื้อหมู โปรตีน 14.1% เนื้อไก่ โปรตีน 18% เนื้อเป็ด โปรตีน 16% เนื้อห่าน โปรตีน 16.4% เนื้อกุ้ง โปรตีน 20.8% เนื้อปู โปรตีน 17.2% 

:: ตารางการให้อาหารและสูตรอาหารบางสูตรที่สะดวกและง่ายต่อการเตรียมให้แมวกิน ::
มื้อเช้า เนื้อวัวสับละเอียดคลุกกับข้าวให้กิน ผสมอาหารเสริมวิตามินและแร่ธาตุ นมสดกระป๋องผสมน้ำอุ่น 1 เท่าตัว หรือนมผงละลายน้ำให้กินตามความพอใจ 
มื้อกลางวัน ข้าวคลุกปลาหรือเนื้อ 
มื้อเย็น ปลาต้มหรือปลากระป๋อง หรือตับลวกน้ำร้อนสับละเอียดหรือไข่ลวกให้ไข่ขาว สุกแต่ไม่แข็ง 1 ฟอง (ให้ทุกวันหรืออาทิตย์ละ 2 ครั้ง สำหรับลูกแมวอาจให้ไข่นกกระทาเพราะฟองเล็ก) คลุกข้าวผสมอาหารเสริมวิตามินและแร่ธาตุ 


......................
:: สุขภาพโดยรวมของแมว ::
วัคซีนสามารถช่วยป้องกันแมวจากโรคติดเชื้อได้ แต่ท่านไม่ควรจะละเลยปัจจัยอื่นที่สำคัญพอ ๆ กัน ในการทำให้แมวของท่านมีสุขภาพดี ได้แก่ เรื่องอาหาร และการควบคุมพยาธิ สัตวแพทย์จะเป็นผู้ช่วยเหลือให้ท่านมั่นใจว่าท่านได้ให้การเลี้ยงดู และป้องกันอย่างดีที่สุดแก่แมวที่ท่านรัก และให้ข้อมูลต่าง ๆ เพื่อช่วยให้แมวของท่านมีสุขภาพดี และยืนยาว โปรดระลึกไว้เสมอว่า แนวทางการป้องกันโรคเหล่านี้ในแมว ก็คือการนำแมวไปฉีดวัคซีนซึ่งได้ผลมากกว่า 90 % โอกาสจะเกิดโรคจะลดน้อยลงเหลือเพียง 5 - 10 % หรือถ้าเกิดโรคก็จะไม่รุนแรงมากนัก แมวต้องพึ่งพาท่าน ท่านเป็นผู้เดียวที่สามารถให้การดูแลอย่างดีที่สุดแก่เขา โปรดพาเขาไปพบสัตวแพทย์ อย่างสม่ำเสมอ
:: วัคซีนทำงานได้อย่างไร ::
การฉีดวัคซีนจะช่วยในการป้องกันโรคแต่ไม่ได้ช่วยในการรักษา ในวัคซีนจะประกอบด้วยเชื้อไวรัสหรือแบคทีเรียที่มีการเปลี่ยนแปลง จนไม่สามารถก่อโรคได้ เมื่อแมวได้รับวัคซีน ระบบภูมิคุ้มกันของร่างกายจะผลิตสารที่เรียกว่าภูมิคุ้มกัน ( antibody ) ซึ่งจะมีหน้าที่ต่อต้านเชื้อไวรัสหรือแบคทีเรียที่ก่อโรคขึ้นเมื่อแมวสัมผัสกับโรคนั
นในเวลาต่อมา ภูมิคุ้มกันเหล่านี้ จะทำลายเชื้อที่ก่อโรคอย่างรวดเร็ว ความสามารถในการป้องกันโรคด้วยการฉีดวัคซีนกระตุ้นเป็นประจำทุกปีและมีการตรวจสุขภาพ
มวอย่างสม่ำเสมอ

:: ทำไมลูกแมวจึงจำเป็นต้องฉีดวัคซีนหลายเข็ม:: 
ลูกแมวที่ยังไม่ได้หย่านมจะได้รับภูมิคุ้มกันจากน้ำนมแม่ที่ช่วยปกป้องลูกแมวจากโรคภ
ยต่าง ๆ ในช่วงเดือน แรก ๆ ของชีวิตแต่ภูมิคุ้มกันจากแม่เหล่านี้จะรบกวนการฉีดวัคซีน ทำให้วัคซีนไม่ได้ผลดี อย่างไรก็ตามภูมิคุ้มกันจากแม่จะค่อย ๆ ลดลงในช่วง 2 - 3 เดือนแรก ดังนั้นจึงจำเป็นต้องฉีดวัคซีนให้ลูกแมว 2 - 3 ครั้ง ในช่วงอายุ 6 - 16 สัปดาห์ เนื่องจากถ้าภูมิคุ้มกันจากแม่รบกวนการทำวัคซีนเข็มแรก วัคซีนเข็มต่อ ๆ มาจะช่วยกระตุ้นให้ร่างกายลูกแมวผลิตภูมิคุ้มกันตัวเองต่อโรคนั้น ๆ ได้ 

:: โรคของแมวที่ต้องฉีดวัคซีน ::
แมวแหมียว เป็นสัตว์ที่รักอิสระ มีนิสัยชอบท่องเที่ยว ซึ่งวิถีชีวิตแบบนี้ อาจนำเจ้าเหมียวให้ไปสัมผัสกับสัตว์อื่นๆ ทำให้มีโอกาสติดโรคต่างๆ เพิ่มขึ้นตามไปด้วย มีโรคต่างๆ หลายชนิดที่เมื่อแมวเป็นแล้วมักจะถึงแก่เสียชีวิต ได้แก่โรคมะเร็งเม็ดเลือด ( Feline Leukemia) โรคเยื่อบุช่องท้องอักเสบชนิดติดเชื้อ (Feline Infectious Peritonitis)และโรคพิษสุนัขบ้า ( Rabies ) โรคไข้หัดแมว ( Feline Distemper ) โรคระบบทางเดินหายใจในแมว (Feline Respiratory Disease ) ส่วนโรคอื่นๆก็อาจเป็นอันตรายกับลูกแมว หรือทำให้แมวโตเต็มวัยมีสุขภาพถดถอยได้ 
ยังนับว่าเป็นโชคดีที่มีวัคซีนเพื่อป้องกันโรคสำคัญๆในแมว วัคซีนจะช่วยปกป้องแมว จากเชื้อไวรัสและแบคทีเรียที่ก่อให้เกิดโรคต่างๆ 

การป้องกันจะเป็นหลักประกันว่า ท่าได้ให้คุณภาพชีวิตที่ดีที่สุดให้กับแมว ของท่านและเสียค่าใช้จ่ายน้อยกว่า การรักษาเมื่อแมวเป็นโรคนั้น การฉีดวัคซีนให้แมวเป็นวิธีที่ดีที่สุด และราคาถูกที่สุดในการป้องกันโรคต่างๆถ้าท่านเลี้ยงแมวโดยไม่รัการฉีดวัคซีนตามโปรแก
ม แมวของท่านอาจล้มป่วยด้วยโรคที่ร้ายแรง อาจถึงขั้นเสียชีวิตได้ โปรดปรึกษาสัตวแพทย์ ถึงการฉีดวัคซีนเพื่อป้องกันโรคติดต่อในแมว

:: โรคมะเร็งของเม็ดเลือดในแมว ( Feline Leukemia ) ::
โรคลิวคีเมียของแมวเกิดจากเชื้อไวรัส FeLV ซึ่งจะทำลายเซลล์ในระบบการสร้างภูมิคุ้มกันของแมวทำให้แมวไม่สามารถต่อสู้กับการติดเ
ื้ออื่น ๆ เช่นปอดอักเสบ นอกจากนี้ไวรัสตัวนี้ยังสามารถก่อให้เกิดมะเร็งในประชากรแมวบางส่วนได้ เช่น มะเร็งเม็ดเลือดและมะเร็งต่อมน้ำเหลือง เมื่อมีการติดเชื้อไวรัส FeLV แมวบางตัวสามารถกำจัดเชื้อตัวนี้ไปได้และหายจากโรคนี้ แต่ถ้ามีการติเชื้ออย่างถาวรแมวจะเสียชีวิตได้ แมวที่มีสุขภาพอ่อนแออย่างต่อเนื่องหรือเจ็บป่วยจากการติดเชื้อหรือมีไข้ อาจจะเป็นโรคนี้ได้ ปัจจุบันนี้คุณสามารถป้องกันแมวของคุณจากการติดเชื้อโดยฉีดวัคซีนป้องกันโรคมะเร็งขอ
เม็ดเลือดในแมวสอบถามสัตวแพทย์ของท่านเกี่ยวกับโปรแกรมการป้องกันเพื่อสุขภาพที่ดี การฉีดวัคซีนจะเริ่มต้นด้วยการฉีดวัคซีนนี้ 2 เข็ม ห่างกัน 3 สัปดาห์ หลังจากนั้นฉีดซ้ำทุกปี 

:: โรคพิษสุนัขบ้า ( Rabies ) ::
โรคนี้เป็นโรคของสัตว์สู่คนที่อันตรายที่สุดและสามารถเกิดขึ้นกับสัตว์เลือดอุ่นทุกช
ิด ( สุนัข แมว ปศุสัตว์ สัตว์ป่า ) จึงจำเป็นต้องแดวัคซีนให้กับสัตว์เลี้ยงของท่านทุกตัว โดยเฉพาะอย่างยิ่งแมวที่มีนิสัยชอบท่องเที่ยวและไม่อยู่ติดบ้าน โรคพิษสุนัขบ้านี้เกิดจากไวรัส ที่ทำลายเนื้อเยื่อระบบประสาท โดยมีระยะฟักตัวของโรคตั้งแต่ 10 วันจนถึงหลาย ๆ เดือน สัตว์ที่ติดเชื้อนี้อาจจะหลีกเลี่ยงการพบปะผู้คน บางตัวอาจแสดงอาการก้าวร้าวผิดปกติ และทำร้ายคน หรือสัตว์เลี้ยงอื่น ๆ เมื่อสัตว์แสดงอาการของโรคแล้วจะจบลงด้วยการเสียชีวิตเสมอ เชื้อไวรัสนี้สามารถแพร่กระจายโดยการกัดหรือสัมผัสน้ำลายของสัตว์ที่ติดเชื้อนี้ ดังนั้นเมื่อแมวที่ไม่ได้รับการฉีดวัคซีนไปต่อสู้กับสัตว์ที่ติดเชื้อนี้ หรือแผลจากการต่อสู้ ให้สงสัยไว้ก่อนว่ามีการติดเชื้อโรคนี้ ควรฉีดวัคซีนป้องกันโรคพิษสุนัขบ้าให้กับแมวเมื่อมีอายุ 12 สัปดาห์ขึ้นไปและฉีดกระตุ้นซ้ำตามคำแนะนำของสัตวแพทย์ 

:: โรคไข้หัดแมว ( Feline Distemper ) ::
โรคนี้เรียกอีกชื่อหนึ่งว่าโรคลำไส้อักเสบติดเชื้อไวรัสในแมว (Feline Penleukopenia )เป็นโรคที่พบได้ทั่วไปและเกิดในแมวทุกอายุ แมวทุกตัวควรฉีดวัคซีนป้องกันโรคนี้ เนื่องจากไม่สามารถระวังไม่ให้แมวสัมผัสกับเชื้อโรคนี้ได้ โดยเชื้อนี้จะมีผลกับอวัยวะส่วนต่าง ๆ ของร่างกาย ทำให้เกิดอาการไข้ เบื่ออาหาร อาเจียน ท้องเสีย แสดงสภาวะขาดน้ำ อ่อนเพลีย ตัวสั่นและเดินไม่ตรง แมวอาจตายภายในหนึ่งสัปดาห์ ลูกแมวที่เป็นโรคนี้ 3 ใน 4 ตัว จะตาย แมวที่มีอายุเมื่อเป็นโรคนี้ จะมีอัตราการตาย 50 % ดังนั้นควรฉีดวัคซีนให้แมวเพื่อป้องกันโรคนี้ในลูกแมวอายุน้อยกว่า 12 สัปดาห์ ควรฉีดวัคซีนนี้ 2 - 3 ครั้ง ห่างกัน 2 - 3 สัปดาห์ 

:: โรคเยื่อบุช่องท้องอักเสบชนิดติดเชื้อในแมว (Feline Infection Peritonitis) ::
เกิดจากเชื้อไวรัส ถึงแม้ความเสี่ยงของการติดโรคนี้จะต่ำ แต่แมวที่เป็นโรคนี้จะเสียชีวิตเสมอภายใน 6 เดือนหลังจากเกิดโรค แมวจะมีช่องท้องขยายใหญ่ เนื่องจากมีของเหลวสะสมอยู่ มีไข้ น้ำหนักลด และตาเจ็บ

:: โรคระบบทางเดินหายใจในแมว (Feline Respiratory Disease ) ::
โรคระบบทางเดินหายใจมักจะแพร่กระจายจากแมวตัวหนึ่งไปอีกตัวหนึ่งได้ง่าย โดยละอองที่ฟุ้งกระจายเมื่อแมวไอ หรือ จาม ลูกแมวที่ป่วยด้วยโรคนี้อาจเสียชีวิตได้ โดยเฉพาะถ้าเป็นปอดอักเสบ แมวที่ป่วยมักมีน้ำมูก น้ำตาไหล จมูกและปากมีแผล ตาอักเสบ มีไข้ โรคนี้มักมีสาเหตุมาจากเชื้อไวรัสที่เรียกว่า Feline rhinotracheitis และ Feline calicivirus ในกรณีของ Rhinotracheitis จะมีความรุนแรงกว่าและอาจทำให้แมวที่ตั้งท้องเกิดการแท้งได้ แมวควรไดรับการฉีดวัคซีน ซึ่งจะป้องกันโรคจากไวรัสทั้ง 2 ชนิดนี้ได้ 

:: ควรฉีดวัคซีนชนิดใดให้กับแมว ::
มีวัคซีนป้องกันโรคให้แมวอยู่หลายชนิด ซึ่งโปรแกรมการทำวัคซีนจะมีการปรับเปลี่ยนเพื่อให้ตรงกับความต้องการของตัวสัตว์มีปั
จัยบางอย่างที่สัตวแพทย์ใช้พิจารณา ก่อนที่จะเริ่มทำวัคซีนให้กับแมว 

สุขภาพโดยรวม สัตว์ที่มีสภาวะขาดอาหาร หรือป่วย หรือกำลังให้ยาบางอย่างอยู่ อาจไม่ตอบสนองต่อการทำวัคซีน ดังนั้นจึงต้องตรวจสุขภาพก่อนทำวัคซีน 
ความเสี่ยงต่อการสัมผัสโรค วัคซีนป้องกันโรคบางอย่างอาจไม่จำเป็นต้องฉีด ถ้าความเสี่ยงต่อการติดโรคนี้มีน้อย 
อายุแมววัคซีนส่วนใหญ่ประสิทธิภาพดี เมื่อให้กับลูกแมวที่หย่านมแล้ว เนื่องจากภูมิคุ้มกันจากแม่อาจไปลบล้างการทำงานของวัคซีนได้ 
สัตว์ที่มีพยาธิ ( เช่นพยาธิลำไส้หรือหมัด ) หรือมีการติดเชื้อ อาจไม่ตอบสนองความต่อการทำวัคซีนได้ สัตวแพทย์จะเป็นผู้แนะนำโปรแกรมวัคซีนที่เหมาะสมและช่วยให้แมวของท่านมีสุขภาพดีขึ้น 
:: การตัดสินใจทำวัคซีน ::
นอกจากโรคไข้หัดแมว และโรคระบบทางเดินหายใจ ที่มีอัตราการป่วยและตายค่อนข้างสูง โรคติดเชื้ออื่น ๆ ในแมวที่ได้รับการฉีดวัคซีนจะมีอัตราต่ำ เช่น โรคพิษสุนัขบ้า < 1 % โรคเยื่อบุช่องท้องอักเสบชนิดติดเชื้อ น้อยกว่า 1 % และโรคมะเร็งของเม็ดเลือด น้อยกว่า 3% แต่โรคเหล่านี้ในแมวขึ้นอยู่กับปัจจัยหลายอย่างรวมถึงสถานะของแมวที่ท่านเลี้ยง อยู่ในสภาพแวดล้อมที่มีความเสี่ยงต่อการติดโรคสูงขึ้น สัตวแพทย์สามารถแนะนำและให้คำปรึกษากับท่านได้ 

..................

การปฐมพยาบาล
เจ้าของสัตว์เลี้ยงส่วนมากมักจะทำอะไรไม่ถุกเมื่อเจอเหตุการณ์ร้ายๆที่เกิดขึ้นกับสั
ว์เสี้ยงของตนอย่าง กะทันหัน ยกตัวอย่างเช่น ถูกรถชน ถูกน้ำร้อนลวก ถูกกระแสไฟฟ้าช๊อต มีแผลเนื่องจากกัดกันหรือตกจากที่ สูง ในอาหารมีก้างปลาหรือเศษกระดูกแตกตำเหงือก แทงลิ้น คาติดอยู่กับซอกฟันรวมทั้งกินยาเบื่อยาพิษ ซึ่งนับว่าเป็น อุบัติเหตุที่เกิดขึ้นได้เสมอๆการปฐมพยาบาลก่อนที่จะนำสัตว์เจ็บป่วยไปพบสัตวแพทย์หร
อโรงพยา บาลสัตว์นั้นถ้าเจ้าของผู้เลี้ยงได้ปฏิบัติปฐมพยาบาลเสียก่อน จะทำได้มากหรือน้อยก็จะเป็นประโยชน์และ จะช่วยชีวิตสัตว์ได้ทั้งสิ้น ที่พบเห็นบ่อยๆมีดังนี้ 
:: กินยาเบื่อ ::
กรณีนี้เกิดขึ้นกับแมวบ่อยากทีเดียว โดยเฉพาะ ไปกินอาหารที่ใส่ ยาเบื่อหนูหรืออาหารบูดเน่า พืชมีพิษ ฯลฯ อาการที่จะสังเกตก็คือ ลิ้นและปากซีด ชัก อาเจียน น้ำลายฟูมปาก ตัวแข็งเกร็ง ขาทั้งสี่เหยียดหรือย่างเบาๆ แล้วก็เดินโซเซ หมดแรง ถ้าแมวยังมีชีวิตรอด อยู่และปรากฏแน่ชัดว่าถูกยาเบื่อยาพิษแน่นอนแล้วก็ควรจัดการช่วยเหลือโดยเร็วที่สุด หรือสารนั้นที่มีอยู่โดยการทำให้แมวอาเจียนซึ่งค่อนข้างยากแต่ก็ควรลองด ูเช่น ใช้น้ำอุ่นละลายเกลือจนออกรสเค็ม แล้วกรอกใส่ปากจะสามารถกระตุ้นให้อาเจียน สำรอกเศษยาเบื่อออกมาได้ บางครั้งอาจพบคราบยาหรืออาหาร นั้นๆเปื้อนตามรอบๆปากก็ต้องใช้น้ำล้างและเช็ดออกให้สะอาดด้วย ต่อไปจึงทำการดูดซับพิษที่ยังหลงเหลือ ไม่ให้ซึมเข้ากระแสโลหิตต่อไป โดยการใช้สารที่สามารถดูดซับพิษซึ่งหาได้ง่ายเช่น ถ่านและไข่ขาว วิธีทำก็โดย การใช้ถ่านหุงข้าวเล็กน้อยตำให้ละเอียด พร้อมกบเติมน้ำลงไปพอสมควรคนให้เข้ากันดีแล้วป้อนให้แมวกินจนหมด หากใช้ไข่ขาวดิบใช้เพียงหนึ่งผองตึผสม กับน้ำเปล่า 2 ช้อนโต๊ะ หรือใช้น้ำมันมะกอก กรอกปากจนกว่าจะ อาเจียน หากเป็นไปได้ให้เก็บเศษสิ่งที่แมวอาเจียนออกมา เศษอาหารที่พบเหล่านี้พร้อมไปพบแพทย์ จะช่วยให้ หมอสามารถรู้ว่าสารพิษเหล่านี้คืออะไร จะทำให้การรักษามีประสิทธิภาพดีกว่าการเดาสุ่มโดยไม่รู้ต้นสายปลายเหตุ หรือข้อมูลได้เลย 


.........................
การฝึกแมว
ด้วยนิสัยอิสระและทำทุกอย่างตามใจตัวเอง ทำให้หลายคนคิดว่าแมวเป็นสัตว์ที่ฝึกไม่ได้ แต่จริง ๆ แล้วสามารถฝึกแมวได้เช่นเดียวกับสุนัข ซึ่งก็ควรฝึกแมวตั้งแต่ยังเล็กอยู่ 
การฝึกแมวนั้นก็มีหลักเช่นเดียวกับการฝึกสุนัข ซึ่งได้มาจาการศึกษาพฤติกรรมของสัตว์ที่เรียกว่า "การตอบสนองอย่างมีเงื่อนไข " ตัวอย่างง่าย ๆ ก็คือ " ทำดีมีรางวัลทำผิดโดนลงทัณฑ์ " เมื่อสัตว์ทำถูกต้องตามวัตถุประสงค์ของคน จะได้รับรางวัลซึ่งอาจเป็นตั้งแต่ คำชม สัมผัส เช่น การลูบหัวไปจนถึงการได้รับของกิน เช่น ขนม อาหาร เป็นต้น เมื่อกระทำผิดคำสั่งอาจถูกดุโดยใช้น้ำเสียงที่หนักแน่นต่างจากปกติ หรือกระตุกเชือกที่คล้องคออยู่ นอกจากนี้อาจลงโทษโดยวิธีอื่น ๆ อีกเช่น การกักบริเวณ โดยใช้วิธีผูก หรือ ขังกรง การตีโดยใช้กระดาษหนังสือม้วนเป็นท่อนตีพอเป็นการเตือนที่บริเวณสะโพก เป็นต้น

:: ฝึกนิสัยการเรียนรู้การอยู่ร่วมกันกับคน ::
ก่อนฝึกแมวในหลักการนี้ผู้เป็นครูต้องมีความรู้เกี่ยวกับนิสัยและพฤติกรรมของแมวนักเ
ียน พอสมควร แมวเป็นสัตว์หน้าซื่อใจคด (หน้าไหว้หลังหลอก) มีทั้งเล่ห์เหลี่ยมและความไร้เดียงสา ซึงต้องการขัดเกลา แมวไม่ซื่อและรักเจ้าของอย่างจริงใจเหมือนกับสุนัข การฝึกจึงต้องใช้ความอดทนที่จะอบรมสั่งสอนด้วยความลำบากใจมากกว่าการเลี้ยงสุนัข แต่ถึงกระนั้นแมวก็ยังเรียนรู้และสามารถฝึกให้มีระเบียบ ว่าง่ายและใช้ประโยชน์ได้ เช่น การเข้าใจกริยาท่าทางของแมวแสดงให้คนรับรู้อารมณ์

เมื่อจะเล่นกับมันควรดูท่าทางของมันก่อนว่าในขณะนั้นอารมณ์ดีพอที่จะเล่นด้วยหรือไม่ ถ้าแมวรู้สึกดีใจที่จะได้พบเจ้าของมันจะรีบวิ่งเข้ามาหาและใช้หางพันแข้งพันขาแสดงคว
มยินดี หูตั้งตรง ตาขยายกลมโต หนวดกระดิก เหล่านี้ ถ้ามีการหยอกเย้าตอบกลับ ลูบหัวลูบตัวมันก็จะเลียมือตอบรับรู้การสัมผัสแสดงความรักตอบ แต่ถ้ามันโกรธ หูแมวจะพับไปทางด้านข้าง หนวดเหยียดตรงไปทางข้างหน้า แกว่งหางไปมาและเตรียมขาตะปบพร้อมกับใช้เล็บแหลมคมข่วน เจ้าของจึงควรระวังอย่าให้คนในบ้านเล่นกับแมวแรง ๆ จนแมวรู้สึกเจ็บ เพราะจะถูกตอบโต้ทันทีทันควัน เมื่อเห็นแมวมีอาการเงียบไม่เคลื่อนไหว ก็อย่าวางใจว่าแมวไม่ทำร้าย ความจริงแมวสามารถซ่อนอารมณ์ไว้ในท่าที เฉยเมย ได้อย่างมิดชิด แต่อาการที่สังเกตง่ายมากคือ เมื่อมีขนตั้งชันแสดงว่ามันกลัว หรือ โกรธและพร้อมที่จะต่อสู้อย่างรุนแรง โดยลวงศัตรูให้ตายใจด้วยท่าทีเฉย ๆ แบบน้ำนิ่งไหลลึก ในขณะเดียวกันแมวก็เป็นสัตว์ที่มีอารมณ์ละเอียดอ่อน และรักเจ้าของด้วยความรักใคร่ มันจะรับรู้ความรักจากมือคนลูบโดยจะหลับตาพริ้มแสดงความสุขใจ บางทีก็ซุกซนกับแก้ม และ ซอกคอคน หางจะกระดิกยกขึ้น เป็นช่วงเวลาที่มันมีความสุขมาก 

:: ฝึกเรียกชื่อ ::
แมวรู้จักชื่อตัวเองได้เช่นเดียวกับสุนัข การตั้งชื่อให้แมวควรถือหลักคือ สั้น ออกเสียงจำได้ง่าย มักเป็นชื่อไม่เกิน 2 พยางค์ เมื่อมีชื่อแล้วก็ต้องหมั่นเรียกควรเริ่มฝึกเรียกตั้งแต่ยังเล็ก โตแล้วอาจไม่ได้ผล ยิ่งเรียกบ่อยแมวก็จำชื่อตัวเองได้เร็วขึ้นและเป็นประโยชน์ในการฝึก เมื่อเรียกแมวแล้วแมวเข้ามาหา ก็ควรให้ความสนใจ เป็นการให้รางวัลและตอกย้ำว่ามันเข้าใจถูกต้องแล้ว

:: ฝึกขับถ่ายเป็นที่เป็นทาง ::
ตามธรรมชาติแล้วแม่แมวจะคอยดูแลและสอนวิธีทำความสะอาดแก่ ลูก ๆ เมื่อเริ่มขบวนการขับถ่ายของเสียออกจากร่างกายครั้งแรก เริ่มเมื่ออายุได้ 2 ถึง 3 อาทิตย์ ด้วยวิธีการเลียบริเวณปากทวารหนักหลังจากกินนมหรืออาหารป็นการกระตุ้นให้ลูกแมวขับถ่
ยออกมา จึงควรเตรียมจัดถาดทรายตื้น ๆ ไว้ให้แก่ลูกแมวในช่วงนี้ มิฉะนั้นมันจะหาที่ขับถ่ายเองแล้วจะกลายเป็นนิสัยที่แก้ยาก นิสัยการขับถ่ายของแมวนั้นถ้าถูกขังอยู่ในกรงเมื่อปวดท้องเขาจะแสดงอาการคุ้ยพื้น ตะกุยกรงขอร้องอย่างสม่ำเสมอ ถ้าเจ้าของไม่ใส่ใจสังเกตแล้วขังไว้หลายชั่วโมง แมวจะอั้นอุจจาระ และ ปัสสาวะเอาไว้ จนติดนิสัยกลายเป็นแมวท้องผูกทำให้กระเพาะปัสสาวะยืด แมวบางตัวสามารถอั้นได้หลายวันหรืออาจนานถึง 7 วัน สภาพเช่นนี้น่าสงสารมากซึ่งไม่ควรละเลย

ถ้าแมวไม่ขับถ่ายในถาดที่เคยใช้อยู่เป็นประจำแล้ว วิธีแก้ไขก็คือเปลี่ยนทรายในถาดใหม่ หรือขยายกระบะให้ใหญ่ขึ้น การลงโทษแมวด้วยวิธีการรุนแรงต่าง ๆ จะไม่ได้ผล ควรรีบทำความสะอาดพื้นห้องที่เปรอะเปื้อนให้หมดกลิ่นเพราะลูกแมวจะจำกลิ่นของมันได้แ
ะย้อนกลับมาถ่ายที่เดิมอีก เราอาจสอนให้แมวขับถ่ายนอกบ้านได้อย่างง่าย ๆ แต่ต้องเตรียมที่ทางให้มันเข้าออกได้ง่ายโดยใช้บานปแระตูปิดเปิดสำหรับแมวโดยเฉพาะ โดยทั่วไปจะทำเป็นบานสปริง การสอนให้แมวรู้จักและใช้ บานเปิดต้องใช้ความอดทน แรก ๆ แมวอาจจะกลัวการถูกบานประตูหนีบขณะที่ผ่านเข้าออก ตอนแรกอาจจะคอยช่วยเหลือจับบานประตูไว้ให้แมวเข้าออกได้ก่อน จากนั้นจึงพยายามปล่อยให้แมวเข้าออกโดยใช้เส้นทางนี้ แล้ว ค่อย ๆ ลดความช่วยเหลือลง จนในที่สุดแมวจะคุ้นเคยและสามารถใช้อุ้งเท้าผลักบานประตูเปิดออกเอง

:: การฝึกแมวในสายฝึก ::
ตรงกันข้ามกับความเชื่อที่คนส่วนใหญ่ว่าไม่สามารถฝึกแมวเหมือนกับสุนัขได้ แต่ที่จริงแล้วแมวจำนวนมากสามารถฝึกโดยให้อยู่ในสายฝึกได้อย่างไรก็ตามการฝึกแมวในสา
ฝึกจะมีข้อจำกัดอยู่บ้าง แมวบางตัวจะทำตัวเรียบร้อยเหมือนสุนัขในสนามประกวดแต่แมวส่วนใหญ่ชอบหยุดนิ่งและมองไ
รอบ ๆ จึงควรฝึกแมวในสายฝึกโดยจูงแมวให้เดินเล่นในบ้านก่อน

การฝึกแมวในสายฝึกก็อาศัยหลักการเบื้องต้น เช่นเดียวกับการฝึกชนิดอื่น ๆ ซึ่งต้องมีเครื่องมือฝึกที่เหมาะสมมีความอดทนและส่งเสริมให้กำลังใจ เนื่องแมวเป็นสัตว์ที่มีนิสัยนุ่มลึก มีความรู้สึกเร็ว ถ้าใช้กำลังในการฝึกจะไม่สามารถบรรลุผลได้เลยตรงข้ามต้องแสดงความรัก แสดงให้รู้ว่าต้องการให้มันทำและพยายามชักชวนให้ทำตามที่เราต้องการ

ก่อนเริ่มการฝึก ควรหาอุปกรณ์ที่ดีเพื่อป้องกันไม่ให้แมวหนีหรือเป็นอันตรายได้ เพราะคอของแมวนั้นค่อนข้างบอบบางกว่าคอของสุนัข ปลอกคอจะไม่เหมาะกับการฝึกในสายฝึกมากนัก ควรเปลี่ยนจาปลอกคอเป็นอานที่มีขนาดเบา ลักษณะเป็นอานเลข 8 หรือรูปตัว H มีสายหนึ่งพาดผ่านลำตัวหลังขาหน้าอานดังกล่าวต้องพอดีไม่รัดแน่นจนเกินไป ห่วงโลหะที่อยู่ ช่วงกลางของอานจะเป็นที่ฝึกสายเหนือส่วนหลังของแมวสายฝึกควรเบาและสั้นไม่ควรยาวเกิน 5 ฟุต มีที่จับเป็นห่วงคล้องข้อมือของผู้ฝึกได้ เพื่อว่าหากมีอันตรายอะไรเกิดขึ้นกับแมว ก็สามารถอุ้มมันขึ้นมาทันท่วงที ก่อนที่จะเริ่มฝึกแมวในสายฝึกนี้ต้องทำให้แมวเคยชินหรือยอมรับกับการใส่อานก่อน ไม่ว่าแมวนั้นจะอายุน้อยหรือมาก เทคนิคที่ใช้ได้เหมือนกัน ประการแรกควรเตรียมอาหารสำหรับให้เป็นรางวัล เริ่มขั้นแรกในบ้านที่ปลอดภัยก่อน โดยสวมอานให้ปราศจากการฝึก แมวอาจนอนกลิ้งโดยเอาสีข้างลงและไม่ยอมขยับเขยื้อนหรือวิ่งหนี ไม่ว่าอยู่ในลักษณะไหนก็อย่าได้กังวล ให้รางวัลแก่แมวแล้วรอดู เมื่อแมวยืนขึ้นแล้วเดินมาหาครูฝึก ให้รางวัลทันที ให้อานอยู่ที่ตัวแมวสัก 10 นาทีในแต่ละครั้ง ทำซ้ำอย่างนี้สองถึงสามครั้งต่อวัน เมื่อแมวรู้สึกชินกับอานก็ให้เกี่ยวสายฝึกกับอานได้ ต่อไปเป็นการฝึกขั้นที่สอง สอนให้แมวเดินในสายฝึก ผู้ฝึกถือสายฝึกอยู่ในมือให้ก้าวไปข้างหน้าหนึ่งก้าวพร้อมกับกระตุกสายฝึกอย่างนุ่มน
ลหากแมวเดินตามก็ให้รางวัลด้วยอาหารที่เตรียมไว้ หลังจากฝึกจนเป็นผลสำเร็จเป็นเวลาหลายวันแล้วก็ค่อย ๆ ลดการให้อาหารเป็นรางวัลลง 

การจูงแมวอาจจูงให้เดินไปทางขวาหรือทางซ้ายมือของผู้ฝึกหากแมวเดินเดินอยู่ทางซ้ายมื
ก็จะพันสายจูงเข้ากับข้อมือขวาและบังคับแมวด้วยข้อมือซ้ายในกรณีที่มีปัญหาอาจจะอุ้ม
มวด้วยมือซ้อายและยึดสายฝึกให้อยู่กับที่โดยอาศรัยมือขวาหากแมวดิ้นพยายามจะหนีจากสา
ฝึก ขอให้อดทนและสุภาพ แต่ถ้าแมวปฏิบัติได้ดี เช่น เดินตามไปก็ให้รางวัลทันที เมื่อแมวเดินตามทางที่กระตุกสายจูงแบบนุ่มนวลก็ให้ดำเนินการฝึกขั้นที่สามต่อไป คือการฝึกนอกบ้าน การนำแมวออกเดินนั้นค่อนข้างจะแตกต่างไปจากการจูงสุนัขเดินเล่นเพราะแมวจะไวต่อสิ่งก
ะตุ้นแวดล้อมรอบตัว เช่น แมวมักจะหยุดดมดอกไม้หรือจ้องมองสิ่งของที่เคลื่อนไหวอยู่นาน ๆ ก็ต้องทำใจ อย่าบังคับให้แมวเดินเร็วเกินไป ควรเดินแบบช้า ๆ เดินให้สนุกเพื่อให้แมวรู้สึกสนุกด้วย ควรเตรียมใจที่จะเดินแล้วหยุด หยุดแล้วเดินอยู่บ่อย ๆ หากแมวเกิดความกลัวก็อย่าพยายามพาแมวเดินออกนอกบ้าน หากจะสอนให้แมวเดินตามโดยไม่มีสายฝึกก็ใช้วิธีเดียวกับที่ได้กล่าวมาข้างต้น อย่างไรก็ตามการฝึกแบบนี้ไม่ควรทำ เพราะแมวอาจจะตื่นกลัวและวิ่งหนีจนตามจับไม่ทัน และอาจสูญหายได้

ควรจำไว้ว่า การฝึกแมวในสายฝึกนี้ไม่ใช่ทุกคนจะทำได้ แต่การฝึกจะช่วยให้ สัมพันธภาพระหว่าง เจ้าของกับแมวดีขึ้น หากทำสำเร็จแล้วแมวจะไม่ต่อต้านและเต็มใจจะเดินไปไหน ๆ ด้วย ขอให้ระลึกไว้เสมอว่า ควรฝึกด้วยความระมัดระวังและให้เกิดความสนุกสนาน






3 ความคิดเห็น:

  1. เยี่ยมมากเลยครับ กำลังศึกษาการเลี้ยงแมวอยู่เลย

    ตอบลบ
  2. เป็นบทความการเลี้ยงแมวที่ดีมากเลยครับ บทความยาวมาก ต้องใช้เวลาซักระยะในการศึกษาข้อมูล

    ตอบลบ